L
A D I N G



Personal Data Protection Act (PDPA)
พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ประกาศ HR ที่ 039 / 2565

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

สำหรับผู้มาติดต่อ ผู้ขอเข้าอาคาร สถานที่ปฏิบัติงาน

       บริษัท เฉลิมชัยชาญ  จำกัด (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “บริษัท”) ให้ความสำคัญและเคารพสิทธิเป็นอย่างยิ่งกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้มาติดต่อ ผู้ขอเข้าอาคาร สถานที่ปฏิบัติงาน (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “ท่าน”)และเพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่าบริษัทจะให้ความคุ้มครองและปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยสอดคล้อง

กับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจึงได้กำหนดนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ขึ้นเพื่อแจ้งให้ท่านทราบรายละเอียด

การดำเนินการกับข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าจะเป็นการเก็บรวบรวมการใช้ และการเปิดเผย (รวมเรียกว่า “การประมวลผล”) รวมตลอดถึงการลบ และการ

ทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตลอดจนแจ้งให้ท่านทราบถึงสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและช่องทางการติดต่อบริษัทตามที่กฎหมายคุ้มครอง

ข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดดังต่อไปนี้  

 

1. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
ในกรณีที่ท่านเข้ามาติดต่อ หรือขอเข้าอาคาร หรือขอเข้าปฏิบัติงานในสถานที่ปฏิบัติงาน บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้


1.1 เพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญาหรือเพื่อปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญากับบริษัท


1.2 เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือบุคคลอื่น เช่น


        1.2.1 เพื่อควบคุมการเข้าอาคาร สถานที่ปฏิบัติงาน ตลอดจนเพื่อสังเกตการณ์ ป้องกัน ขัดขวาง และตรวจสอบการเข้าบริเวณดังกล่าวโดยมิได้รับอนุญาต เพื่อรักษาความปลอดภัยบริเวณอาคาร สถานที่ปฏิบัติงาน รวมถึงการแลกบัตร การลงทะเบียน การบันทึกประวัติและข้อมูลที่จำเป็นของผู้รับเหมาที่เข้าปฏิบัติงานให้บริษัท หรือผู้มาติดต่อบริษัท ที่บริเวณอาคาร สถานที่ปฏิบัติงาน ภายในบริเวณสถานที่ตามที่บริษัทกำหนด การบันทึกประวัติของผู้มีสิทธิเข้า-ออก ภายในอาคาร และบริเวณสถานที่ของบริษัท


        1.2.2 เพื่อดำเนินการตามกระบวนการภายในต่าง ๆ ของบริษัทก่อนการเข้าปฏิบัติงานในอาคาร สถานที่ปฏิบัติงาน เช่น
(1) การลงทะเบียนและดำเนินการจัดอบรมเกี่ยวกับความปลอดภัยก่อนการเข้าปฏิบัติงานให้บริษัท


(2) การขอใบอนุญาตเข้าทำงานกับบริษัท และใบอนุญาตทำงานในพื้นที่เฉพาะ เช่น 

        : ใบอนุญาตให้ทำงานทั่วไป

        : ใบอนุญาตให้ทำงานที่ใช้ความร้อน

        : ใบอนุญาตให้ทำงานที่สูง

        : ใบอนุญาตปฏิบัติงานในที่อับอากาศ

1.2.3 เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่ท่านและทรัพย์สินของบริษัท รวมถึงการใช้กล้องวงจรปิดในการบันทึกภาพ/ภาพเคลื่อนไหว/เสียง บุคคลที่อยู่บริเวณอาคาร สถานที่ปฏิบัติงาน


1.2.4 เพื่อควบคุมการเข้าถึงแหล่งเทคโนโลยีสารสนเทศและฐานข้อมูลของบริษัท ตลอดจนเพื่อสังเกตการณ์ ป้องกัน ขัดขวาง และตรวจสอบการเข้าถึงดังกล่าวโดยมิได้รับอนุญาต


1.2.5 เพื่อบริหารความเสี่ยง การกำกับ การตรวจสอบ รวมถึงเพื่อการตรวจสอบภายในของบริษัทและการบริหารจัดการภายในองค์กร


1.2.6 เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย และการดำเนินคดีต่าง ๆ รวมถึงเป็นหลักฐานประกอบการดำเนินคดี (หากมี) กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการดำเนินการเพื่อบังคับคดีตามกฎหมาย


1.3 เพื่อการบริหารจัดการด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยของท่าน


1.4 เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย คำสั่งของหน่วยงาน องค์กรอิสระ หรือเจ้าท่านที่  มีหน้าที่และอำนาจตามกฎหมาย เช่น การปฏิบัติตามหมายเรียก หมายอายัด คำสั่งของศาล เจ้าหน้าที่ตำรวจ อัยการ หน่วยงานราชการ


1.5 เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะด้านการสาธารณสุข เช่น การป้องกันด้านสุขภาพจากโรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดที่อาจติดต่อหรือแพร่เข้ามาในราชอาณาจักร


2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม
        : โดยทั่วไปแล้ว บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยการขอข้อมูลจากท่านโดยตรง เช่น การให้ท่านกรอกข้อมูลตามแบบฟอร์มที่บริษัทกำหนด หรือสอบถามจากท่าน หรือขอให้ท่านส่งเอกสารที่มีข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บริษัท แต่อย่างไรก็ตาม อาจมีบางกรณีที่ บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากแหล่งอื่นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวข้างต้น เช่น


        :     นิติบุคคลที่ท่านมีฐานะเป็นผู้แทน ผู้รับมอบอำนาจ ผู้ปฏิบัติงานแทน หรือ ลูกจ้าง


        :    พนักงานบริษัท  ในกรณีที่มีการรายงานเหตุการณ์และอุบัติการณ์ที่เกิดขึ้นในอาคาร สถานที่ปฏิบัติงาน


        : ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท ดำเนินการเก็บรวบรวมนั้น มีดังต่อไปนี้


2.1 ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป


2.1.1 ข้อมูลที่ใช้ระบุตัวตน (Identity Data) เช่น ชื่อ นามสกุล เลขประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทาง เพศ วันเดือนปีเกิดอายุ สัญชาติ ลายมือชื่อ ภาพถ่าย หรือลักษณะอื่นทำนองเดียวกัน

 

2.1.3 ข้อมูลการติดต่อกับบริษัท (Communication Data) เช่น รูปภาพ ข้อมูลการบันทึกภาพเคลื่อนไหวและเสียง  กล้อง CCTV ที่บันทึกภาพ/ภาพเคลื่อนไหวและเสียง ที่มุมกล้องติดพื้นที่สาธารณะบางส่วน บริษัทจะติดป้ายให้ทราบว่ามีการใช้กล้อง CCTV


2.1.4 หมายเลขทะเบียนรถ ในกรณีเข้ามาภายในบริษัทด้วยยานพาหนะ


2.1.5 ข้อมูลการคัดกรองตามมาตรการป้องกันโรคระบาด


2.1.6 ใบอนุญาตต่าง ๆ ที่ต้องมีตามกฎหมายในการปฏิบัติงาน


2.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน
        : บริษัทไม่มีความประสงค์จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลศาสนาและหมู่โลหิตที่ปรากฏอยู่ในสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ใดโดยเฉพาะ ในกรณีที่ท่านได้มอบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่บริษัทขอให้ท่านปกปิดข้อมูลดังกล่าว หากท่านมิได้ปกปิดข้อมูลข้างต้น ถือว่าท่านอนุญาตให้บริษัทดำเนินการปกปิดข้อมูลเหล่านั้น และถือว่าเอกสารที่มีการปกปิดข้อมูลดังกล่าว มีผลสมบูรณ์และบังคับใช้ได้ตามกฎหมายทุกประการ ทั้งนี้ หากบริษัทไม่สามารถปกปิดข้อมูลได้เนื่องจากข้อจำกัดทางเทคนิคบางประการ บริษัทจะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารยืนยันตัวตนของท่านเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้มาติดต่อ ผู้ขอเข้าอาคาร สถานที่ปฏิบัติงาน อาจมีบางกิจกรรมที่บริษัทจะขอข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อนบางประการเพิ่มเติม เช่น ข้อมูลสุขภาพ หรือ ข้อมูลชีวภาพ (ข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ ข้อมูลภาพจำลองใบหน้า) เพื่อวัตถุประสงค์ตามที่บริษัทจะได้แจ้งไว้โดยเฉพาะในแบบฟอร์มการขอความยินยอม และบริษัทจะดำเนินการขอความยินยอมจากท่านโดยชัดแจ้งก่อนเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อนดังกล่าว


3. การใช้คุกกี้
บริษัทมีการใช้คุกกี้เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่กำหนดไว้ใน นโยบายการใช้คุกกี้


4. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล 


4.1 บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งได้ระบุไว้ในนโยบายฉบับนี้ หลักเกณฑ์ที่ใช้กำหนดระยะเวลาเก็บ ได้แก่ ระยะเวลาที่บริษัทยังมีความสัมพันธ์กับท่าน และอาจเก็บต่อไปตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือตามอายุความทางกฎหมาย เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อเหตุอื่นตามนโยบายและข้อกำหนดภายในองค์กรของบริษัท

 

4.2 กรณีกล้อง CCTV บริษัทจะเก็บข้อมูล


4.2.1 ในสถานการณ์ปกติ  ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจถูกเก็บไว้นานถึง  30 วัน


4.2.2 ในกรณีจำเป็น เช่น กรณีที่จำเป็นต้องใช้หลักฐานในการสืบสวน สอบสวน หรือการดำเนินคดีหรือกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลร้องขอ ข้อมูลส่วนบุคคลอาจถูกเก็บรักษาไว้เกินกว่า 30 วัน และบริษัทจะดำเนินการลบข้อมูลดังกล่าวอย่างปลอดภัยเมื่อเสร็จสิ้นวัตถุประสงค์นั้นๆแล้ว


4.2.3 บริษัทจัดให้มีระบบการตรวจสอบเพื่อดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาหรือที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินความจำเป็นตามวัตถุ

ประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น


4.2.4 กรณีที่บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยขอความยินยอมจากท่าน บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจนกว่าท่านจะแจ้งขอยกเลิกความยินยอมและบริษัทดำเนินการตามคำขอของท่านเสร็จสิ้นแล้ว อย่างไรก็ดีบริษัทจะยังเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นสำหรับบันทึกเป็นประวัติว่าท่านเคยยกเลิกความยินยอมเพื่อให้บริษัทสามารถตอบสนองต่อคำขอของท่านในอนาคตได้


5. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้บุคคลอื่น
ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในนโยบายฉบับนี้ บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลของท่านให้แก่บุคคลภายนอกดังต่อไปนี้


5.1 หน่วยงานราชการ หน่วยงานกำกับดูแล หรือหน่วยงานอื่นตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงเจ้าพนักงานซึ่งใช้อำนาจตามกฎหมาย เช่น ศาล ตำรวจ


5.2 ตัวแทน ผู้รับจ้าง/ผู้รับจ้างช่วง และ/หรือผู้ให้บริการสำหรับการดำเนินงานใด ๆ ให้แก่บริษัท เช่น ผู้ตรวจสอบ  ทนายความ ที่ปรึกษากฎหมาย  ผู้ให้บริการกล้อง CCTV  ผู้จัดงานและจัดกิจกรรมต่างๆ ผู้ให้บริการจัดทำโปรแกรมและระบบไอทีต่างๆ  (เช่น ระบบคลาวด์ ระบบบล็อกเชน บริการ data analytics) และบุคคลอื่นที่จำเป็นเพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินการต่างๆ ตามวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้


5.3 บริษัทจะกำหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลมีมาตรการป้องกันข้อมูลของท่านอย่างเหมาะสมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจโดยมิชอบ


6. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ


6.1 บริษัทอาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลอื่นในต่างประเทศในกรณีที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญา  หรือเป็นการกระทำ

ตามสัญญาหรือเป็นการกระทำตามสัญญาระหว่างบริษัทกับบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น  เพื่อประโยชน์ของท่านหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญา  หรือเพื่อป้องกันหรือระงับอันตราย ต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือเป็นการจำเป็นเพื่อดำเนินภารกิจ

เพื่อประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ


6.2 บริษัทอาจเก็บข้อมูลของท่านบนคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์หรือคลาวด์ที่ให้บริการโดยบุคคลอื่น และอาจใช้ โปรแกรมหรือแอปพลิเคชันของบุคคลอื่นใน

รูปแบบของการให้บริการซอฟท์แวร์สำเร็จรูปและรูปแบบของการให้บริการแพลตฟอร์มสำเร็จรูปในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแต่บริษัทจะไม่อนุญาตให้บุคคลที่ ไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้ และจะกำหนดให้บุคคลอื่นเหล่านั้นต้องมีมาตรการคุ้มครอง ความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม


6.3 ในกรณีที่มีการส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศบริษัทจะปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วน

บุคคลของท่านจะได้รับการคุ้มครอง และท่านสามารถใช้สิทธิที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตามกฎหมาย รวมถึงบริษัทจะกำหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลมีมาตรการปกป้องข้อมูลของท่านอย่างเหมาะสมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยปราศจากอํานาจโดยมิชอบ


7. มาตรการความปลอดภัยสำหรับข้อมูลส่วนบุคคล
7.1 ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นสิ่งสำคัญสำหรับบริษัทและบริษัทได้นำมาตรฐานความปลอดภัยทางเทคนิคและการบริหารที่เหมาะสมมาใช้เพื่อ

ป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลจากการสูญหาย การเข้าถึงการใช้หรือการเปิดเผยโดยไม่ได้รับอนุญาต การใช้งานในทางที่ผิด การดัดแปลงเปลี่ยนแปลง  และการทำลายโดยใช้เทคโนโลยีและขั้นตอนการรักษาความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสและการจำกัดการเข้าถึง  เพื่อให้มั่นใจว่าบุคคลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและบุคคลเหล่านี้ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับความสำคัญของการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล


7.2 บริษัทจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม  เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจากผู้ที่ไม่มีสิทธิหรือหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลนั้น และจะจัดให้มีการทบทวนมาตรการดังกล่าวเมื่อมีความจำเป็นหรือเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม


8. สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูล
ในฐานะที่ท่านเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิตามที่กำหนดไว้โดยพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ทั้งนี้ ท่านสามารถขอใช้สิทธิต่าง ๆ ของท่านได้ตามช่องทางที่บริษัทกำหนดในข้อ 10 ซึ่งสิทธิต่าง ๆ ของท่านมีรายละเอียด ดังนี้


8.1 สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (Right to Withdraw Consent) ในกรณีที่บริษัทขอความยินยอมจากท่าน ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวมและการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับบริษัทได้ตลอดเวลา  เว้นแต่การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจำกัดโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน หากท่านถอนความยินยอมที่ได้ให้ไว้กับบริษัทหรือปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลบางอย่าง อาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์บางส่วนหรือทั้งหมดตามที่ระบุไว้ในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ได้
ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมจะไม่ส่งผลกระทบต่อ การเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย


8.2 สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Access)
ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลของท่านซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทรวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลดังกล่าวที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อบริษัทได้


8.3 สิทธิในการขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล (Data Portability Right)
ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับบริษัทได้ตามที่กฎหมายกำหนด


8.4 สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Object)
ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลที่เกี่ยวกับท่านสำหรับกรณีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนได้ตามที่กฎหมายกำหนด


8.5 สิทธิในการขอลบข้อมูลส่วนบุคคล (Erasure Right)
ท่านมีสิทธิขอให้บริษัท ลบหรือทำลายหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ตามที่กฎหมายกำหนด


8.6 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Restrict Processing)
ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตามบริษัทอาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งอาจมีบางระบบที่ไม่สามารถลบข้อมูลได้ ในกรณีเช่นนั้น บริษัทจะจัดให้มีการทำลายหรือทำให้ข้อมูลดังกล่าวกลายเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้


8.7 สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (Rectification Right)
กรณีที่ท่านเห็นว่าข้อมูลที่บริษัท มีอยู่นั้นไม่ถูกต้องหรือท่านมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเอง ท่านมีสิทธิขอให้บริษัท แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

 

8.8 สิทธิในการร้องเรียน (Right to Lodge a Complaint)
ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หากบริษัทฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้


9. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายฉบับนี้
บริษัทอาจแก้ไขปรับปรุงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้เป็นครั้งคราว และเมื่อมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเช่นว่านั้น บริษัทจะประกาศให้ท่านทราบผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัท และ/หรือแจ้งให้ท่านทราบผ่านทางอีเมล ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องขอความยินยอมจากท่านบริษัทจะดำเนินการขอความยินยอมจากท่านเพิ่มเติมด้วย


10. วิธีการติดต่อ
ในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่าน การใช้สิทธิของท่าน หรือมีข้อร้องเรียนใด ๆ ท่านสามารถติดต่อบริษัท ได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้


    บริษัท เฉลิมชัยชาญ  จำกัด
    สถานที่ติดต่อ         :        536,536/1 ถนนเอกชัย แขวงคลองบางพราน  เขตบางบอน  กรุงเทพฯ 10150
    เบอร์โทรศัพท์        :        02-898-9050-69, 02-416-0155-9
    เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
    สถานที่ติดต่อ         :        536,536/1 ถนนเอกชัย แขวงคลองบางพราน  เขตบางบอน  กรุงเทพฯ 10150

    เบอร์โทรศัพท์        :        02-898-9050-69, 02-416-0155-9
    อีเมล                       :        rockets@chalermchaichan.co.th