L
A D I N G



Personal Data Protection Act (PDPA)
พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ประกาศ HR ที่ 038 / 2565

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

สำหรับลูกค้า คู่ค้า ผู้มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ

       บริษัท เฉลิมชัยชาญ  จำกัด (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “บริษัท”) ให้ความสำคัญและเคารพสิทธิเป็นอย่างยิ่งกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า คู่ค้า ผู้มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “ท่าน”) และเพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่าบริษัทจะให้ความคุ้มครองและปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยสอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจึงได้กำหนดนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ท่านทราบรายละเอียดการดำเนินการกับข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าจะเป็นการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย (รวมเรียกว่า “การประมวลผล”) รวมตลอดถึงการลบ และการทำลาย การเข้าถึงข้อมูลการโอนย้าย ตลอดจนแจ้งให้ท่านทราบถึงสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและช่องทางการ

ติดต่อบริษัทตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

 

ภายใต้นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลดังต่อไปนี้

 

        ลูกค้า หมายถึง บุคคลที่จะซื้อหรือซื้อสินค้า และ/หรือรับบริการจากบริษัท หรือบุคคลอื่นที่ติดต่อสอบถามข้อมูลสินค้า และ/หรือบริการของบริษัท บุคคลที่รับทราบข้อมูลสินค้า และ/หรือบริการผ่านสื่อต่าง ๆ และบุคคลที่ได้รับการโฆษณาประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับสินค้า และ/หรือบริการของบริษัท  และให้หมายความรวมถึงบุคคลธรรมดาที่มีความเกี่ยวข้อง หรือเป็นตัวแทนของนิติบุคคลที่เป็นลูกค้า เช่น ผู้บริหาร กรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง ตัวแทน ผู้แทน หรือบุคคลธรรมดาอื่นใด และบุคคลที่มีข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏในเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการทำธุรกรรมระหว่าง บริษัท กับนิติบุคคลนั้น เช่น ผู้ประสานงาน ผู้สั่งซื้อ ผู้รับสินค้า ผู้สั่งจ่ายเช็ค เป็นต้น รวมทั้งบุคคลที่นิติบุคคลนั้นได้ให้ข้อมูลไว้แก่ บริษัท ด้วย


        คู่ค้า หมายถึง บุคคลที่จะขายหรือขายสินค้า และ/หรือการบริการให้แก่ บริษัท ไม่ว่าจะได้ขึ้นทะเบียนเป็นคู่ค้ากับ บริษัท หรือไม่ เช่น คู่สัญญา ผู้ประสานงาน ผู้ให้บริการ ที่ปรึกษา เป็นต้น และให้หมายความรวมถึงบุคคลธรรมดาที่เกี่ยวข้องหรือเป็นตัวแทนของนิติบุคคลซึ่งเป็นคู่ค้า เช่น ผู้บริหาร กรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง ตัวแทน ผู้แทน หรือบุคคลธรรมดาอื่นใด และบุคคลที่มีข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏในเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการทำธุรกรรมระหว่าง บริษัท กับนิติบุคคลนั้น เช่น ผู้ประสานงาน ผู้ส่งสินค้า ธนาคารที่ทำธุรกรรมต่างประเทศ ผู้สั่งจ่ายเช็ค เป็นต้น รวมทั้งบุคคลที่นิติบุคคลนั้นได้ให้ข้อมูลไว้แก่ บริษัท ด้วย


        ผู้มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ หมายถึง บุคคลอื่นซึ่งมิใช่ลูกค้า คู่ค้า หรือผู้ปฏิบัติงานในกลุ่มบริษัท ที่มีความสัมพันธ์ในลักษณะที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจ เช่น ผู้ปฏิบัติงานในหน่วยราชการซึ่งกำกับการประกอบธุรกิจหรือกำกับดูแลการปฏิบัติตามกฎหมาย ผู้สนใจเข้าร่วมโครงการธุรกิจหรือผู้เข้าร่วมโครงการธุรกิจ ผู้สนใจเข้าร่วมลงทุนหรือผู้ร่วมลงทุน ตัวแทนหรือนายหน้าในการจัดหาสินค้าหรือบริการให้แก่ บริษัท และให้หมายความรวมถึงบุคคลธรรมดาที่เกี่ยวข้องหรือเป็นตัวแทนของนิติบุคคลนั้น เช่น ผู้บริหาร กรรมการ พนักงาน ตัวแทน ผู้แทน หรือบุคคลธรรมดาอื่นใด และบุคคลที่มีข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏในเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการทำธุรกรรมระหว่าง บริษัท กับนิติบุคคลนั้น

 

1. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล 


1.1 เพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของลูกค้า คู่ค้า ผู้มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจก่อนเข้าทำสัญญาหรือเพื่อปฏิบัติตามสัญญาซึ่งลูกค้า คู่ค้า ผู้มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจเป็นคู่สัญญากับบริษัท เช่น เพื่อการซื้อ,ขายสินค้า และ/หรือ บริการให้แก่ท่าน หรือปฏิบัติตามสัญญาใดๆ ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญา ซึ่งรวมถึง การจัดการบัญชี/ผู้ใช้ (Account) ของท่าน การจัดส่งสินค้า การดำเนินการเกี่ยวกับบัญชีและการเงิน การบริการหลังการขาย และการคืนสินค้า และดำเนินการใดๆ เพื่อให้ท่านได้รับสินค้าและ /หรือ บริการ หรือตามที่ท่านได้ร้องขอ


1.2 เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลอื่น


(1) เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามสัญญา สัญญาระหว่างลูกค้า คู่ค้า ผู้มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับบริษัท และให้บริษัทสามารถจัดการ พัฒนา และดำเนินการใดๆ เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อการจัดซื้อ จัดจ้าง ตรวจรับ ชำระค่าสินค้าและบริการ บริหารจัดการความสัมพันธ์ ตรวจสอบและประเมินการทำงานตามข้อตกลงที่กำหนดไว้ในใบสั่งซื้อหรือสัญญาหรือเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง รวมถึงการบริหารจัดการความสัมพันธ์กับท่าน 


(2) เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท เช่น เพื่อการบริหารจัดการภายในของบริษัท การจัดการ การพัฒนา และการดำเนินการใด ๆ เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ ซึ่งรวมถึงการบริหารจัดการและพัฒนาสินค้า และ/หรือ บริการ (รวมถึงเว็บไซต์ และแอปพลิเคชั่น) การวิจัย เช่น ทำแบบสอบถาม เข้าสัมภาษณ์ การตรวจสอบและป้องกันการฉ้อโกง หรืออาชญากรรมอื่น ๆ และการบำรุงรักษาระบบสารสนเทศ 


(3) เพื่อประโยชน์ทางด้านความปลอดภัย เช่น จัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัย ซึ่งรวมถึงระบบไอที สารสนเทศ เช่น การเข้าสถานที่ของบริษัท การเข้าสู่ระบบ (Log in) เข้าเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่น


(4) เพื่อดำเนินการทางการตลาดและวิเคราะห์ข้อมูล (Marketing and Data Analysis) เช่น การแจ้งข่าวสารและสิทธิประโยชน์ผ่านทาง หนังสือ อีเมล  แอปพลิเคชั่นไลน์  โซเชียลมีเดีย  และโทรศัพท์ รวมถึงเพื่อประโยชน์ในการวิจัยทางการตลาด เช่น ทำแบบสอบถาม เข้าสัมภาษณ์


(5) เพื่อการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย


1.3 เพื่อป้องกันและระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น เช่น การติดต่อในกรณีฉุกเฉิน การควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ


1.4 เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น การปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมาย กฎระเบียบ และคำสั่งของผู้ที่มีอำนาจตามกฎหมาย


1.5 เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้

 

1.6 กรณีที่ท่านให้ความยินยอมบริษัท จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ตามวัตถุประสงค์กำหนดไว้ในแต่ละความยินยอม เพื่อให้บริษัทดำเนินการจัดกิจกรรมนอกจากที่กล่าวมาข้างต้น โดยบริษัทอาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพิ่มเติมซึ่งบริษัทจะแจ้งให้ทราบและขอความยินยอมจากท่านใหม่เป็นคราว ๆ ไป


2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม


2.1. บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างไร
บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน  จากหลาย ๆ ช่องทาง ดังต่อไปนี้

 

        : จากท่านโดยตรง (เช่น เมื่อท่านทำธุรกิจกับบริษัท หรือลงนามในสัญญาหรือกรอกแบบฟอร์มเมื่อท่านมีปฏิสัมพันธ์กับบริษัท การติดต่อสื่อสารทางอีเมลล์ โทรศัพท์ แบบสอบถาม นามบัตร ไปรษณีย์ ระหว่างการประชุมและงานกิจกรรมต่าง ๆ หรือเมื่อบริษัทไปพบท่าน)

 

        : จากคู่ค้าทางธุรกิจที่ท่านทำงานให้ ดำเนินการแทน หรือเป็นตัวแทน

 

2.2.    บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลใดบ้าง
ข้อมูลส่วนบุคคล  หมายถึง ข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับท่านที่สามารถระบุตัวตนท่านได้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม (ทั้งนี้ ไม่รวมถึงข้อมูลของบุคคลที่ถึงแก่กรรมไปแล้ว) โดยบริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลประเภทต่างๆตามที่ระบุด้านล่าง

ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ-นามสกุล คำนำหน้า อายุ เพศ รูปถ่าย วีดิโอ ข้อมูลจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด พิกัดทาง ภูมิศาสตร์ วันเดือนปีเกิด สัญชาติ สถานภาพการสมรส ข้อมูลสถานภาพทางการเงิน (เช่น ข้อมูลหนังสือรับรองฐานะ ทางการเงิน ข้อมูลเครดิต แหล่งที่มาของเงินได้ สินทรัพย์ถาวร และหนี้สิน) ข้อมูลด้านการศึกษาและการทำงาน (เช่น ตำแหน่งงาน แผนก อาชีพ ข้อมูลใบสมัครงาน บริษัทที่ท่านทำงานให้หรือจ้างงานท่าน ข้อมูลการอบรม รายได้และ เงินเดือน) ข้อมูลจากเอกสารราชการ (เช่น หมายเลขบัตรประชาชน หมายเลขหนังสือเดินทาง หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี อากร หมายเลขใบขับขี่ หมายเลขทะเบียนบ้าน) ข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์ (เช่น หมายเลขตัวถังหรือหมายเลขทะเบียนรถยนต์) ลายมือชื่อ (รวมถึงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์) ข้อมูลรหัสประจำตัวคู่ค้า (รวมถึง ประเภทคู่ค้า) ข้อมูลบัญชีธนาคารและ การชำระเงิน (เช่น ชื่อเจ้าของบัญชี ธนาคารที่เปิดบัญชี ประเภทบัญชี และหมายเลขบัญชีธนาคาร ชื่อบัญชีผู้รับประโยชน์ วันที่ชำระเงิน วิธีการชำระเงิน สกุลเงินที่ชำระ และบัญชีที่ทำการชำระเงิน รายละเอียดการโอนเงินใน/นอกประเทศไทย) ข้อมูลรายได้ สิทธิประโยชน์ที่ท่านได้รับ ประวัติการจ่ายเงิน รายได้ และข้อมูลระบุตัวบุคคลอื่น  (เช่นข้อมูลบัญชีผู้ใช้ไลน์) ข้อมูลที่ดินที่ท่านเป็นเจ้าของ(เช่น หมายเลขหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดิน)
ข้อมูลที่อยู่ติดต่อ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรศัพท์มือถือ หมายเลขโทรสาร อีเมล, ID-LINE และข้อมูลอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน
ข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อและการขายสินค้า  และ/หรือ บริการ เช่น ประวัติการซื้อสินค้า ประวัติการขายสินค้า ประวัติการเคลมสินค้า ประวัติการจ่ายค่าชดเชยสินค้า ข้อร้องเรียน ประวัติการเสนอราคา  ประวัติสัญญาซื้อขาย  ประวัติข้อมูลการค้ำประกัน ประวัติผลการประเมินประสิทธิภาพของคู่ค้าเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการบริการหลังการขายแก่คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ให้บริการ ที่ปรึกษาด้านต่างๆ รวมถึงการให้บริการติดตาม ประสานงาน แก้ไขปัญหาแก่เจ้าของข้อมูลตามความเหมาะสม  เช่น บริการเกี่ยวกับสินค้า หรือ การตอบข้อสงสัย ข้อซักถาม เป็นต้น

ข้อมูลอื่น ที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับคู่ค้าทางธุรกิจ เช่นข้อมูลที่ท่านให้แก่บริษัทตามที่ปรากฏในสัญญาซื้อ ขาย แบบฟอร์ม หรือแบบสำรวจ ข้อมูลทางธุรกรรมที่ท่านทำกับบริษัท (เช่น เมื่อทำสัญญาเช่าพื้นที่ หรือสัญญาให้บริการต่างๆและบริการขนส่งสินค้า) บันทึกข้อมูลคอมพิวเตอร์

ข้อมูลของบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับท่าน เช่น ข้อมูลที่ระบุตัวตนคู่สมรสหรือบุตรของท่าน ข้อมูลพนักงานของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับท่าน
ข้อมูลที่ท่านได้ให้ไว้เมื่อท่านติดต่อบริษัท หรือบริษัทดูแลให้บริการหลังการขาย การทำวิจัย และการสัมภาษณ์

ข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน เช่น ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลชีวภาพ (เช่น ข้อมูลการจดจำใบหน้า และ ลายนิ้วมือ) ข้อมูลสุขภาพหรือสภาพร่างกายหรือจิตใจ และประวัติอาชญากรรม ทั้งนี้ รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนจากบัตรประจำตัวประชาชน (เช่นเชื้อชาติและศาสนา)


2.3. บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างไร


       บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับท่าน โดยอาศัยฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย ฐานการปฏิบัติตามสัญญา ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย ฐานความยินยอม หรือฐานทางกฎหมายอื่น ๆ ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้


(1) การติดต่อสื่อสารทางธุรกิจ เช่น การติดต่อสื่อสารกับคู่ค้าทางธุรกิจเกี่ยวกับสินค้า บริการ และโครงการต่าง ๆ ของบริษัท หรือคู่ค้าทางธุรกิจ (เช่น การติดต่อสื่อสารผ่านการส่งเอกสาร การตอบคำถาม การตอบกลับคำขอหรือการรายงานความคืบหน้าการดำเนินการ)


(2) การเลือกคู่ค้าทางธุรกิจ เช่น การประเมินความเหมาะสมและคุณสมบัติของท่านและคู่ค้าทางธุรกิจ การยืนยันตัวตนของท่านและสถานะการเป็นคู่ค้าทางธุรกิจ การตรวจสอบสถานะกิจการ หรือการตรวจสอบประวัติในรูปแบบอื่น ๆ หรือการประเมินความเสี่ยงสำหรับท่านและคู่ค้าทางธุรกิจ (รวมถึงการตรวจสอบข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย) การออกคำขอเสนอราคาและประมูลราคา การเข้าทำสัญญากับท่านหรือคู่ค้าทางธุรกิจ


(3) การจัดการข้อมูลของคู่ค้าทางธุรกิจ เช่น การสร้างบัญชีคู่ค้าทางธุรกิจ การบันทึกข้อมูลลงในระบบ การรักษาและการปรับปรุงรายการ/สารระบบของคู่ค้าทางธุรกิจ (ซึ่งรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน) การเก็บและบริหารจัดการสัญญาและเอกสารที่เกี่ยวข้องที่อาจมีชื่อของท่านอยู่


(4) การบริหารจัดการความสัมพันธ์ เช่น การวางแผน การดำเนินการ และการบริหารจัดการความสัมพันธ์และสิทธิทางสัญญากับคู่ค้าทางธุรกิจ   เช่น  การสั่งซื้อสินค้าหรือการบริการ  การประมวลผลการชำระเงิน การทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับบัญชี การตรวจสอบบัญชี การออกใบเรียกเก็บเงิน และการเก็บเงิน การจัดการให้มีการขนส่งและจัดส่ง การให้บริการสนับสนุน

 

(5) ระบบและการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น การให้การสนับสนุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและฝ่ายช่วยเหลือ บริหารจัดการการเข้าถึงระบบใด ๆ ที่บริษัทได้มอบสิทธิในการเข้าถึงให้แก่ท่าน การลบบัญชีที่ไม่มีการใช้งาน การใช้มาตรการควบคุมทางธุรกิจเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้และเพื่อให้บริษัทสามารถระบุและแก้ไขปัญหาในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัทและเพื่อรักษา ความมั่นคงปลอดภัยในระบบของบริษัททำการพัฒนา ปรับใช้ ดำเนินการ และดูแลรักษาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ


(6) การตรวจสอบดูแลระบบและความมั่นคงปลอดภัย เช่น การยืนยันตัวตนและการควบคุมการเข้าถึงตามที่เกี่ยวข้อง การตรวจสอบดูแลระบบ อุปกรณ์ และอินเทอร์เน็ต การรักษาความมั่นคงปลอดภัย ทางเทคโนโลยีสารสนเทศ การป้องกันและแก้ไขปัญหาอาชญากรรม รวมถึงการจัดการความเสี่ยงและการป้องกันการฉ้อโกง การรายงานอุบัติเหตุ


(7) การจัดการกับข้อพิพาท เช่น การยุติข้อพิพาท การบังคับใช้สัญญา การก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การก่อตั้ง การใช้ หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย รวมถึงการมอบอำนาจ


(8) การบริหารจัดการและการสื่อสารระหว่างหน่วยงานภายในองค์กร รวมถึง การจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ภายในองค์กร และปฏิบัติตามข้อกำหนดทางธุรกิจที่เหมาะสม ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ การจัดซื้อ จัดจ้าง จัดหา การเบิกจ่ายเงิน การจัดการภายใน การฝึกอบรม การตรวจสอบ การรายงาน การส่งหรือจัดการเอกสาร การประมวลผลข้อมูล การควบคุม หรือการจัดการความเสี่ยง การวิเคราะห์และการวางแผน ทางสถิติและแนวโน้มต่าง ๆ และกิจกรรมอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงหรือเกี่ยวข้องกัน


(9) การปฏิบัติตามนโยบายภายในและกฎหมายที่ใช้บังคับ รวมถึงข้อบังคับ ระเบียบ และแนวทางปฏิบัติต่างๆ (เช่น เพื่อขอใบอนุญาตในการประกอบธุรกิจตามที่กฎหมายกำหนด) และการประสานงานหรือการติดต่อกับหน่วยงานรัฐบาล ศาล หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (เช่น กรมสรรพากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน) รวมถึงการสืบสวน การร้องเรียน และ/หรือ การป้องกันอาชญากรรมหรือการฉ้อโกง


(10) วัตถุประสงค์ทางการตลาด เช่น แจ้งให้ท่านทราบเกี่ยวกับข่าวสารและข้อมูลเผยแพร่ที่อาจมีประโยชน์ รวมถึงกิจกรรม เสนอบริการใหม่ๆ เจรจาต่อรองราคาสินค้าและบริการ และทำผลการสำรวจ รวมถึงเพื่อวิเคราะห์และพิจารณาในการสนับสนุนทางการเงิน (เช่น การให้สินเชื่อ) แก่ท่านหรือพันธมิตรทางธุรกิจ


(11) ข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน เพื่อการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือ โอนข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ที่ต้องได้รับความยินยอมตามกฎหมาย เช่น เพื่อประเมินความเหมาะสมและคุณสมบัติของท่านและคู่ค้าทางธุรกิจ และเพื่อยืนยันตัวตน (ตามข้อมูลที่ได้รับจากบัตรประชาชน) เพื่อตรวจสอบยืนยันตัวตนในการเข้ารับผลิตภัณฑ์และสินค้าในคลังของบริษัท เพื่อบันทึกข้อมูลลงในระบบ เพื่อจัดงานอบรมสัมมนา เพื่อพิจารณาและบริหารกิจกรรมการจ้างงาน  เพื่อลงทะเบียนหรือเปิดบัญชีคู่ค้า  และ/หรือ   บุคคลที่เกี่ยวข้องลงในระบบ เพื่อดำเนินการสืบสวนหรือสอบสวนทางวินัย และเพื่อประสานงานกับหน่วยงานและหน่วยงานรัฐต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อรับสินค้า ที่โรงงาน


(12) เพื่อจัดให้มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมขององค์กร

 

3. การใช้คุกกี้
บริษัทมีการใช้คุกกี้เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่กำหนดไว้ใน นโยบายการใช้คุกกี้ 


4. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล 


4.1 บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งได้ระบุไว้ในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ หลักเกณฑ์ที่ใช้กำหนดระยะเวลาเก็บ ได้แก่ ระยะเวลาที่บริษัทยังมีความสัมพันธ์กับท่าน และอาจเก็บต่อไปตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือตามอายุความทางกฎหมาย เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อเหตุอื่นตามนโยบายและข้อกำหนดภายในองค์กรของบริษัท


4.2 กรณีกล้อง CCTV บริษัทจะเก็บข้อมูล

        : ในสถานการณ์ปกติ  ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจถูกเก็บไว้ไม่เกิน  30 วัน

 

        : ในกรณีจำเป็น เช่น กรณีที่จำเป็นต้องใช้หลักฐานในการสืบสวน สอบสวน หรือการดำเนินคดีหรือกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลร้องขอ

ข้อมูลส่วนบุคคลอาจถูกเก็บรักษาไว้เกินกว่า 30 วัน และบริษัทจะดำเนินการลบข้อมูลดังกล่าวอย่างปลอดภัยเมื่อเสร็จสิ้นวัตถุประสงค์นั้นๆแล้ว

 

        : บริษัทจัดให้มีระบบการตรวจสอบเพื่อดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาหรือที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์

ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น

        :กรณีที่บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยขอความยินยอมจากท่านบริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจนกว่าท่านจะแจ้งขอยกเลิกความยินยอมและบริษัทดำเนิน

การตาม คำขอของท่านเสร็จสิ้นแล้ว อย่างไรก็ดีบริษัทจะยังเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นสำหรับบันทึกเป็นประวัติว่าท่านเคยยกเลิกความยินยอม

เพื่อให้บริษัทสามารถตอบสนองต่อคำขอของท่านในอนาคตได้

5. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้บุคคลอื่น


5.1 บริษัทอาจต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านกับบุคคลอื่น คู่ค้าทางธุรกิจรายอื่นของบริษัท ผู้ให้บริการจากภายนอกที่บริษัทว่าจ้างมา เช่น ผู้ให้บริการระบบขนส่ง ผู้ให้บริการอบรมสัมมนา ผู้ให้บริการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ผู้รับเหมา ผู้ให้บริการคลาวด์  ผู้ให้บริการวิเคราะห์ข้อมูลและที่ปรึกษา)


5.2 บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับหน่วยงานรัฐบาล หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายศาล หน่วยงานกำกับดูแลหรือบุคคลอื่น เมื่อบริษัทมีเหตุอันควรเชื่อว่าจำเป็นต่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือเพื่อคุ้มครองสิทธิของบริษัท สิทธิของบุคคลภายนอก หรือความปลอดภัยของบุคคล หรือเพื่อตรวจจับ ป้องกัน และแก้ไขปัญหา การฉ้อโกงหรือปัญหาด้านความมั่นคงปลอดภัย หรือในกรณีที่มีการปรับโครงสร้างองค์กร การควบรวมกิจการ การขาย การซื้อ การร่วมลงทุน การโอนสิทธิ การเปลี่ยนแปลงเจ้าของกิจการ หรือการจำหน่ายกิจการ ทรัพย์สิน หรือหุ้น หรือการทำธุรกรรมที่คล้ายกัน ไม่ว่าบางส่วนหรือ
ทั้งหมด โดยบริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับผู้รับโอนสิทธิและ/หรือหน้าที่ของบริษัท ทั้งนี้ บริษัทจะปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้เพื่อเป็นการเคารพต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน


6. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ


6.1 บริษัทอาจต้องเปิดเผย หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศซึ่งอาจมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่สูงกว่าหรือต่ำกว่าประเทศไทย เช่น เมื่อบริษัทเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านบนแพลตฟอร์มคลาวด์หรือเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่นอกประเทศไทยหรือเพื่อใช้บริการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ


6.2 เมื่อมีความจำเป็นต้องโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศที่มีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลต่ำกว่าประเทศไทย บริษัทจะดำเนินการเพื่อให้มั่นใจว่ามีการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกโอนไปในระดับที่เพียงพอหรือดำเนินการให้มั่นใจว่ากฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้อง

อนุญาตให้โอนข้อมูลได้ เช่น บริษัทอาจต้องได้รับคำยืนยันตามสัญญาจากบุคคลภายนอกที่มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกโอนว่าข้อมูลดังกล่าวจะได้รับ การคุ้มครองภายใต้มาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เทียบเท่ากับประเทศไทย
หากท่านต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่บริษัทคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อมีการโอนไปยังต่างประเทศ โปรดติดต่อบริษัทตามรายละเอียดในหัวข้อ"วิธีการติดต่อ"


6.3 บริษัทได้จัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม ซึ่งครอบคลุมถึงมาตรการป้องกันด้านการบริหารจัดการ มาตรการป้องกันด้านเทคนิค และมาตรการป้องกันทางกายภาพ ในเรื่องการเข้าถึงหรือควบคุมการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อธำรงไว้ซึ่งความลับ ความถูกต้องครบถ้วน และสภาพความพร้อมใช้งานของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ ทั้งนี้ เป็นไปตามที่กฎหมายที่ใช้บังคับกำหนด


7. มาตรการความปลอดภัยสำหรับข้อมูลส่วนบุคคล
        บริษัทได้จัดให้มีมาตรการควบคุมการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและการใช้งานอุปกรณ์สำหรับจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทยังได้ วางมาตรการจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและการใช้งานอุปกรณ์สำหรับจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล โดยกำหนดสิทธิเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งาน สิทธิในการอนุญาตให้ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้ และหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้ใช้งาน เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต การเปิดเผย การล่วงรู้ หรือ การลักลอบทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล หรือการลักขโมยอุปกรณ์จัดเก็บหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล      นอกจากนี้   บริษัทยังได้วางมาตรการสำหรับการตรวจสอบย้อนหลังเกี่ยวกับการเข้าถึง เปลี่ยนแปลง ลบ หรือถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคล ให้สอดคล้องเหมาะสมกับวิธีการและสื่อที่ใช้ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

 

8. สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูล
        ในฐานะที่ท่านเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิตามที่กำหนดไว้โดยพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ทั้งนี้ ท่านสามารถขอใช้สิทธิต่าง ๆ ของท่านได้ตามช่องทางที่บริษัทกำหนดในข้อ 10 ซึ่งสิทธิต่าง ๆ ของท่านมีรายละเอียด ดังนี้


8.1 สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (Right to Withdraw Consent)
        ในกรณีที่บริษัทขอความยินยอมจากท่าน ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวมและการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความ

ยินยอมกับบริษัทได้ตลอดเวลา  เว้นแต่การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจำกัดโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน
หากท่านถอนความยินยอมที่ได้ให้ไว้กับบริษัทหรือปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลบางอย่างอาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์บางส่วนหรือทั้งหมดตามที่ระบุไว้ใน

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ได้
ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมจะไม่ส่งผลกระทบต่อ การเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย


8.2 สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Access)
ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลของท่านซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทรวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลดังกล่าวที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อบริษัทได้


8.3 สิทธิในการขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล (Data Portability Right)
ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับบริษัทได้ตามที่กฎหมายกำหนด


8.4 สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Object)
ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลที่เกี่ยวกับท่านสำหรับกรณีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนได้ตามที่กฎหมายกำหนด


8.5 สิทธิในการขอลบข้อมูลส่วนบุคคล (Erasure Right)
ท่านมีสิทธิขอให้บริษัท ลบหรือทำลายหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ตามที่กฎหมายกำหนด

 

8.6 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Restrict Processing)
ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตามบริษัทอาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งอาจมีบางระบบที่ไม่สามารถลบข้อมูลได้ ในกรณีเช่นนั้น บริษัทจะจัดให้มีการทำลายหรือทำให้ข้อมูลดังกล่าวกลายเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้


8.7 สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (Rectification Right)
กรณีที่ท่านเห็นว่าข้อมูลที่บริษัท มีอยู่นั้นไม่ถูกต้องหรือท่านมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเอง ท่านมีสิทธิขอให้บริษัท แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด


8.8 สิทธิในการร้องเรียน (Right to Lodge a Complaint)
ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หากบริษัทฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้


9. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายฉบับนี้
บริษัทอาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้เป็นครั้งคราวหากมีการเปลี่ยนแปลงแนวทางปฏิบัติว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทอันเนื่องมาจาก

เหตุผลต่าง ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี หรือ การเปลี่ยนแปลงทางกฎหมาย โดยการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้จะมีผลบังคับใช้เมื่อบริษัทเผยแพร่นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับแก้ไขบนเว็บไซต์ของบริษัท อย่างไรก็ตาม หากการแก้ไขดังกล่าวมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้าตามความเหมาะสมก่อนที่การเปลี่ยนแปลงนั้นจะมี

ผลบังคับใช้

10. วิธีการติดต่อ
ในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่าน การใช้สิทธิของท่าน หรือมีข้อร้องเรียนใด ๆ ท่านสามารถติดต่อบริษัท ได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้


    บริษัท เฉลิมชัยชาญ  จำกัด
    สถานที่ติดต่อ         :        536,536/1 ถนนเอกชัย แขวงคลองบางพราน  เขตบางบอน  กรุงเทพฯ 10150
    เบอร์โทรศัพท์        :        02-898-9050-69, 02-416-0155-9
    เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
    สถานที่ติดต่อ         :        536,536/1 ถนนเอกชัย แขวงคลองบางพราน  เขตบางบอน  กรุงเทพฯ 10150

    เบอร์โทรศัพท์        :        02-898-9050-69, 02-416-0155-9
    อีเมล                       :        rockets@chalermchaichan.co.th